ซึ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับบรรพบุรุษคนไหหลำ คือ คนไหหลำที่อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งต่างประเทศนั้น
มักจะเป็นคนทางด้านเหนือของเกาะ โดยจะเป็นคนจากเมือง ไหเข่า ตำโก ดาจิโพ และ เหวินชาง
( บุ้นเซียว) เมืองตำโก และ ดาจิโพ
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเมือง ไหเข่า
เดิมเรียกเมือง เข่งตัว ( ปัจจุบันไม่มีเมืองเข่งตัวแล้ว)
เมื่อเราออกจากเมืองตำโก
เมืองที่อยู่ถัดมาคือ ดาจิโพ
เมือง ดาจิโพ เป็นตลาดใหญ่กว่าเมืองตำโก บ้านบรรพบุรุษของย่าลี้ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆชื่อ ก๊ก เจ็ก ซุ่ย ตำบลดัวหย่ง
ย่าลี้ได้มาพักอยู่ที่หมู่บ้านนี้ ในช่วงที่ย่าลี้ เดินทางมาคอยสามี(ก๋งกุ๋ย) พร้อมกับลูกชายวัย 3 ขวบ (ด.ช.เซ่ง ) และคลอดลูกสาว (ด.ญ.เลื่อน) ที่นี่ เพราะเป็นหมู่บ้านของคนแซ่พู่ หรือ ผู่ และเป็นบ้านญาติๆกัน เมื่อรู้ว่าสามีตายอยู่ที่เมืองไทย ย่าลี้จึงพาลูกทั้งสองเดินทางไปยังเมืองไหเค๊า เพื่อลงเรือกลับ ช่วงที่รอเรือสำเภามาเมืองไทย ย่าลี้และลูก 2 คนต้องอาศัยนอนตามฟุตบาทหน้าร้าน ใกล้ๆท่าเรืออยู่นานกว่าจะได้ขึ้นเรือ
ก่อนจะไปไหว้สุสานก๋งของย่าลี้ พวกเราก็แวะกินอาหารกลางวันแบบไหหลำแท้ๆ ที่เมืองดาจิโพ กันก่อน เชิญชมบรรยากาศ
หลังจากหลงทางกันพอหอมปากหอมคอ เราก็มาถึงหมู่บ้านของย่าลี้ จนได้ และเริ่มพิธีการไหว้สุสานกันเลย
ทุกครั้งที่เรามาไหว้ก๋ง เด็กๆในหมู่บ้านซึ่งถือเป็นคนแซ่เดียวกับเรา มักจะวิ่งกันมาทักทาย เพราะรู้ว่าเรามักจะมีขนมมาแจกเสมอๆ
เราอยู่ที่หมู่บ้านนี้พักใหญ่ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองดงเกียว เพื่อไปไหว้อาม่าทับทิม ที่ศาลดั้งเดิมแห่งแรกของคนไหหลำ
ผู้ปกครองศาลเจ้าแม่ทับทิม แห่งเกาะไหหลำ พบกับ
ผู้ปกครองศาลเจ้าแม่ทับทิมแห่งท่ายาง
จากนั้นเรามุ่งตรงกลับเมืองไหเค๊า เพื่อไปชมท่าเรือเก่า และบ้านเมืองยุค150 ปีที่ผ่านมา ท่าเรือนี้ ย่าลี้เคยพาลูก 2 คนมาอาศัยนอนตามฟุตบาท ขณะรอเรือสำเภากลับเมืองไทย
ปัจจุบัน ท่าเรือและตึกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
กลายเป็นสวนสาธารณะไปแล้ว
บ้านเมืองยุคเก่ายังอยู่ แต่ถูกปิดปังไว้ด้วยป้ายโฆษณา และร้านค้ายุคใหม่ไป เหลือบางส่วนที่ยังคงเห็นความเก่าอยู่
ลุงรัญ ยืนรำลึกถึงครั้งที่เคยอยู่แถวนี้
หลังจากเที่ยวกันจนหมดแรง ก็ได้เวลาอาหารเย็น
เย็นนี้กินแบบไหหลำอีกมื้อ
อิ่มหนำสำราญดี ต่างก็แยกย้ายกันไปช๊อปปิ้ง และเข้านอน
เพราะวันรุ่งขึ้นต้องเดินทางแต่เช้า
โปรดชมตอนสุดท้าย ชื่อ " ยี่สาร ตลุยกวางโจว "
ที่นี่เร็วๆนี้
เหตุการณ์ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญ คณะร่วมกตัญญูจากเมืองไทยปฏิบัติภารกิจต่างๆได้
ตอบลบอย่างเรียบร้อยครบถ้วน ทั้งยังสร้างมิตรภาพด้วยหยาดเหงื่อหลายพันหยดซึ่งต้อง
บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ระหว่างผู้ปกครองศาลเจ้าแม่ทับทิม 2แผ่นดินดังปรากฎ
ในภาพเป็นที่น่าประทับใจ หลังเสร็จสิ้นภารกิจทุกอย่างคณะร่วมกตัญญูก็เดินช็อปปิ้ง
ในตลาดตามหมู่บ้านอย่างมีความสุข เช้าวันรุ่งขึ้นจะต้องอำลาเกาะไหหลำแล้ว ตอน
ต่อไปคงมีเรื่องราวดีๆให้ติดตามที่กวางโจว...คนท่าพุ่ง