ขอเล่าถึงสาเหตุที่ป้าการ และคณะต้องมาไหหลำแบบนอกรอบครั้งนี้ก่อน
หลังจากที่ป้าการไปไหหลำทุกปีติดต่อกันมา แต่ละปีก็พยายามคิดเรื่องการสร้างสุสานให้ย่า " เซี๊ยะ โหว่ เหนียน" เพราะเห็นสภาพหลุมฝังศพของท่านแล้ว รู้สึกไม่สบายใจที่ท่านไม่มีลูกหลานไปดูแลเลย ตลอดเวลา 60 กว่าปีที่ผ่านมา เมื่ออาปราณีบอกว่าอยากทำป้ายหินเพื่อปักให้รู้ว่าเป็นหลุมศพของย่า ป้าการก็รับปากที่จะทำให้สำเร็จให้ได้
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนมีแต่อุปสรรค ( เรื่องภาษา) ที่ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจหวังไว้ ในที่สุด ป้าการก็ขอร้องให้ " อาคัง" มาช่วยประสานงานกับคนที่ไหหลำ แต่ก็ยังดูเป็นเรื่องที่ห่างไกลความจริงอย่างมาก
ดังนั้น ...ในเดือนพฤษภาคม 2555 ป้าการจึงวางแผนที่จะไปไหหลำอีกครั้ง เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จให้ได้ในปีนี้ โดยขอร้องให้ " อาคัง" ไปเป็นเพื่อนป้าฯด้วย ซึ่ง"อาคัง"ก็ตอบตกลงและเต็มใจที่จะช่วยงานนี้อย่างเต็มที่
พอใกล้กำหนดวันเดินทาง ประมาณเดือนสิงหาคม 2555 อาปราณี ก็โทรศัพท์ มาคุยเรื่องนี้ โดยบอกว่า โกเหลิม ( เฉลิม ยี่สาร) แนะนำให้ทำเป็นสุสานให้ท่านเลย ป้าการก็เลยบอกอาปราณีว่า กำลังจะไปไหหลำพอดี หากจะทำเป็นสุสานก็จะไปดูให้ อาปราณีจึงขอตามไปด้วย ซึ่งป้าการ ก็ดีใจที่จะมีคนช่วยกันดูแลเรื่องนี้หลายๆคน ดังนั้นในวันเดินทางคณะของเราจึงประกอบไปด้วย 3 คน คือ ป้าการ อาปราณี และ "อาคัง"
ที่ป้าการรู้จัดอาคัง ก็เนื่องจาก อาคังเป็นเพื่อนของน้องเมย์ ลูกสาวของจิ๋ว ลูกแด่เงี๊ยบ แม่ก่วย แซ่เหลี่ยว หลานแป๊ะแด่ผ่ง -เจ้ต้ม (หวังว่าคงไม่งงนะ ) อาคังเป็นเด็กที่มีอัธยาศัยดี มีน้ำใจ ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้
มาเล่าเรื่องการไปทำงานที่ไหหลำกันต่อ
เราไปถึงโรงแรมเที่ยงคืนแล้ว ตื่นเช้าก็รีบไปยัง ตลาดตำโกซี เพื่อพบกับ " อากงดั่น เหม่ง คน" ผู้ที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด เมื่อไปถึงร้านของอากง เห็นท่านนั่งรอเราอยู่แล้ว ดูว่าท่านดีใจมากที่เห็นพวกเราไป และแล้วการเจรจาเรื่องการทำสุสานก็เริ่มขึ้น
อากงดั่นเหม่งคน ให้คนไปตาม ช่างแกะสลักหิน และซินแสมาคุยที่บ้านทันที โดยป้าการได้นำเอาหนังสือจีนฉบับร่างที่จะใช้แกะสลักลงบนหินให้อากงดู หนังสือฉบับร่างนี้ อาคังเป็นคนเขียนให้ โดยดูตัวอย่างมาจากรูปป้ายหินของก๋งของย่าลี้ นั่นเอง
บรรยากาศการคุย ค่อนข้างเข้มข้น มีการแก้ไขหลายจุด เพื่อให้เหมาะสม เสียงคุยกันของสามคนนี้ ดังลั่นสนั่นซอย เป็นภาษาไหหลำ โดยมีคนขับรถที่เราใช้เขาประจำ เป็นคนแปลเป็นภาษาจีนกลางให้อาคังฟัง และ อาคังแปลเป็นไทยให้ป้าการ กับอาปราณีฟังอีกที (อาคังบอกว่า ฟังภาษาไหหลำไม่เข้าใจเลย)
การโต้เถียงยกที่หนึ่ง ใช้เวลานานพอสมควร คราวนี้มีเพื่อนบ้านมาช่วยกันเสนอแนะความคิดเพิ่มขึ้นอีก เลยยิ่งทำให้เสียงดังมากขึ้น
เวลาล่วงเลยมาเกือบครึ่งวันแล้ว ยังตกลงกันไม่ได้ อากงดั่นเหม่งคน จึงชวนไปดูที่หลุมฝังศพ เพื่อให้ซินแสจับทิศ หาวันมงคลก่อน ดังนั้นเราจึงย้ายขบวนไปยังหมู่บ้านของก๋ง เพื่อดูหลุมศพ และเตรียมออกแบบสร้างสุสาน
ช่างทำป้ายหิน จะเป็นคนทำสุสานให้ด้วย เข้าไปดูสภาพแวดล้อม บอกว่าให้พูนดินขึ้นได้ แต่ไม่ควรโปกปูนซีเมนต์ครอบหลุม ให้ทำเป็นขอบกันดินไหลด้วยกำแพงก้อนหินและต้องไม่ทำให้สูงเกินไป เพราะจะทำให้หลุมฝังศพของคนอื่น ( คนในหมู่บ้านเดียวกัน) ดูไม่ดี อันจะส่งผลต่อลูกหลานของเขาไปด้วย ส่วนหน้าของหลุมก็จะปักเสาหินแกะสลัก พร้อมทำบริเวณให้ลูกหลานไว้กราบไหว้ด้วย จากแบบที่ผู้รับเหมาบอก เราก็เห็นด้วยตามนั้น
สำหรับซินแส ท่านขึ้นไปยืนบนหลุมศพ กางตำราหาทิศให้สัมพันธ์กับช่วงเวลา(ปี)ที่ย่าตาย โดยจะเอาทิศที่ตั้งมาใช้แทนวัน เดือน ปีเกิดของลูกหลาน เพื่อหาวันที่เป็นมงคลในการยกป้าย วันนี้ซินแสมาทำแค่ การสำรวจทิศ และวัดขนาดหลุมศพ เพื่อนำไปประกอบการคำนวน ซึ่งจะต้องรอปฏิทินปีหน้า ออกก่อนจึงจะประกาศวันมงคลให้เรารู้ได้ ( ปฏิทินจะออก เดือนพฤศจิกายน)
สำหรับลูกหลานที่จะมาทำพิธี ใครจะมาก็ได้ แต่หากผู้ที่เกิดปีชง ให้ยืนอยู่รอบนอก
เสร็จจากการสำรวจ และวัดหลุมฯแล้ว เราก็เดินไปที่บ้านก๋ง เพราะซินแสจะไปสำรวจทิศที่บ้านด้วย
หน้าฝนอย่างนี้ หญ้าขึ้นรกหน่อย
ซินแสเดินดูรอบบ้านพร้อมกับจานดูทิศแบบจีน
อากง กับอาม่า ผู้อาวุโส ซึ่งบัดนี้ดูเหมือนว่าจะกลายมาเป็นญาติผู้ใหญ่ของเราไปแล้ว
ข้างบ้านก๋ง เพื่อนบ้านกำลังสร้างบ้านเป็นห้องแถวเพิ่มขึ้น ไปคราวหน้าคงเสร็จแล้ว
เสร็จจากการสำรวจ และวัดหลุมฯแล้ว พวกเราหิวกันมาก จึงชวนผู้อาวุโสทั้งหลายไปกินข้าวเติมพลังกันก่อน ขณะนั่งมาในรถ ทั้งหมดก็ยังโต้แย้งกันมาตลอดทาง
กินกันยังไม่ทันอิ่ม การเจรจายกสองก็เริ่มขึ้น เหตุที่ไม่ยอมกันก็คือเรื่องชื่อของคนสร้างสุสาน ซึ่งเราบอกว่าลูกหลานทุกคนรวมเงินกันสร้าง จึงไม่สามารถบอกชื่อได้หมด
โดยผู้อาวุโส คือ อากงดั่น เหม่ง คน และซินแส ยอมให้ใช้คำว่า " สร้างโดยลูกหลานตระกูลโหงว" ได้ แต่คนทำป้ายไม่ยอมทำท่าเดียว บอกว่า
" อั๊วทำม่ายล่าย อั๊วม่ายเคยทำ พวกลื้อยอม แต่อั๊ว ม่ายทำอ่ะ "
งานนี้จึงมีคนขับรถเข้ามาเป็นแรงหนุนฝ่ายอากงอีกแรง รวมแล้ว 3 ต่อ 1 เสียง
อาคัง ตอนมาแรกๆก็หล่อดี แต่พอผ่านไปครึ่งวันก็ดูแก่ไปทันตาเห็น
ซินแส
ช่างทำป้าย
คนทำป้าย เหลือตัวคนเดียวแต่ยังไม่ยอมแพ้ เครียดมากถึงขนาดต้องยกขาข้างหนึ่ง แบบไหหลำ
ไม่ไหวแล้วอ่า อี๊วอัดบุหรี่ดีกว่า
และแล้วทุกอย่างก็ลงเอยเอาตอนบ่ายสามโมงเย็น งานนี้เล่นเอาพวกเราที่นั่งอยู่กลางสงครามถึงกับมึนตึ๊บ แม้ทุกคนจะไม่มีใครยอมใคร แต่สุดท้ายแล้ว ผลดีก็ตกอยู่กับพวกเรา เพราะที่ผู้อาวุโสเถียงกันนี้ก็คือ ตัวเขียนบนป้ายหินซึ่งจะส่งผลให้ลูกหลานของย่าเซี๊ยะ โหว่ เหนียน เจริญรุ่งเรืองทุกคน นอกจากตัวหนังสือมงคลแล้ว แม้กระทั่งขนาดของป้ายหิน ยังต้องทำให้ได้ขนาดที่มีเลขดีสำหรับลูกหลานอีกด้วย
เสร็จจากภาษาจีน เราก็เอาตัวหนังสือไทยไปต่อใต้ภาษาจีน ขณะนั้นไม่มีกาวไป คนขับรถจึงเอาข้าวสุกมาใช้แทน
ตัวหนังสือภาษาไทยเขียนว่า
สุสาน เซี๊ยะ
โห่ว เหนียน
สร้างโดย
ลูกหลานตระกูลโหงว ( ยี่สาร)
จ.เพชรบุรี ประเทศไทย
ปี 2013
ในการสร้างสุสานของย่าเซี๊ยะ โหว่ เหนียน นี้มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณดังนี้
- ค่าหิน ขนาด 2X.80 เมตร ราคา 1,500 หยวน
- ค่าแกะสลักตัวอักษร ทั้งไทยและจีน 1,200 หยวน
- ค่าทำสุสาน 2,300 หยวน
รวมค่าทำป้าย และสุสาน= 5,000 หยวน จ่ายไปแล้ว 3,000 หยวน
- ค่าจ้างซินแส 600 หยวน จ่ายไปแล้ว 400 หยวน
จะจ่ายอีกครั้งวันทำพิธี ซึ่งซินแสต้องมาทำให้
- ให้แต๊ะเอียอากงดั่นเหม่งคน 300 หยวน
รวมประมาณการค่าใช้จ่าย ทั้งการสร้าง และทำพิธี ตลอดจนเตรียมการและของไหว้วันทำพิธี ประมาณ 8,000 หยวน X 5 = 40,000 บาท
จึงเรียนมายังพี่น้อง ลูกหลานตระกูลยี่สารทุกท่านเพื่อทราบ หากท่านใดมีความประสงค์จะร่วมกันสร้างสุสานให้ย่าเซี๊ยะ โหว่ เหนียน เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง สามารถสมทบทุนการก่อสร้างได้ตามสมควร
โดยขอให้ส่งเงินมายังป้าการ เพื่อรวบรวมไว้ใช้ในการนี้ต่อไป