สถานที่ชุมนุมของคนตระกูล " ยี่สาร" เชิญเข้ามาพูดคุย หรือฝากข่าวถึงกัน

เวบบอร์ดของคน ตระกูล " ยี่สาร"
ยินดีต้อนรับทุกท่าน

โปรดทราบกฏกติกาการใช้เวบบอร์ดนี้

1.เวบบอร์ดนี้ เป็นของครอบครัวยี่สาร ทุกท่านที่อยู่ในทุกจังหวัด และ ทุกประเทศทั่วโลก ได้ใช้เป็นช่องทาง
และพื้นที่ในการเข้ามาพูดคุย ส่งข่าวคราว ถึงกันอย่างเสรี

2.อนุญาติให้ใช้ภาษาถนัดของครอบครัวได้ แต่ห้ามให้คำหยาบคาย

3.สามารถโพสต์ได้ทั้งภาษาไทย อังกฤษ


4.การพูดคุยโปรดให้ความเคารพความคิดเห็นผู้ อื่นด้วย


5.หากต้องการ โพสต์ข้อความครั้งแรกต้อง
" ลงชื่อเข้าใช้"ก่อน ( อยู่ด้านขวามือ) ต่อไปก็เข้ามาด้วยชื่อนั้น
ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ทุกครั้ง


6.เมื่อจะโพสต์ข้อความ ให้กดที่คำว่า
" ความคิดเห็น" ข้าง ล่างของแต่ละบทความ

7.ขณะนี้ได้เพิ่มเวบบอร์ดหน้า 2 แล้ว
หากจะกลับไปหน้า 1 ให้คลิ๊กที่ " บทความที่เก่ากว่า " เมื่อจะมาหน้า 2 ก็คลิ๊กทีี่่
" บทความที่ใหม่กว่า " อยู่ใต้กล่องที่พิมพ์ แสดงความคิดเห็น


ขอให้มีความสุขในการชมบล๊อกนี้ทุกท่าน



วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ป้าการ รายงานผลการเดินทางไปไหหลำ ล่าสุด กันยายน 2555


    เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555 ป้าการ อาปราณี และอาคัง  ได้เดินทางไปเกาะไหหลำ เพื่อดูความคืบหน้าของการสร้างสุสานให้ย่า " เซี๊ยะ โหว่ เหนียน"   วันเดินทาง ป้าการไปแบบโทรมสุดๆ เพราะเพิ่งกลับจาก มาละกา และได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องลุกมาสนามบินอีกแล้ว

      ขอเล่าถึงสาเหตุที่ป้าการ และคณะต้องมาไหหลำแบบนอกรอบครั้งนี้ก่อน 

      หลังจากที่ป้าการไปไหหลำทุกปีติดต่อกันมา แต่ละปีก็พยายามคิดเรื่องการสร้างสุสานให้ย่า " เซี๊ยะ โหว่ เหนียน" เพราะเห็นสภาพหลุมฝังศพของท่านแล้ว รู้สึกไม่สบายใจที่ท่านไม่มีลูกหลานไปดูแลเลย ตลอดเวลา 60 กว่าปีที่ผ่านมา  เมื่ออาปราณีบอกว่าอยากทำป้ายหินเพื่อปักให้รู้ว่าเป็นหลุมศพของย่า  ป้าการก็รับปากที่จะทำให้สำเร็จให้ได้

      แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนมีแต่อุปสรรค ( เรื่องภาษา) ที่ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจหวังไว้  ในที่สุด ป้าการก็ขอร้องให้ " อาคัง" มาช่วยประสานงานกับคนที่ไหหลำ แต่ก็ยังดูเป็นเรื่องที่ห่างไกลความจริงอย่างมาก  

       ดังนั้น ...ในเดือนพฤษภาคม 2555  ป้าการจึงวางแผนที่จะไปไหหลำอีกครั้ง  เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จให้ได้ในปีนี้  โดยขอร้องให้ " อาคัง" ไปเป็นเพื่อนป้าฯด้วย    ซึ่ง"อาคัง"ก็ตอบตกลงและเต็มใจที่จะช่วยงานนี้อย่างเต็มที่

       พอใกล้กำหนดวันเดินทาง ประมาณเดือนสิงหาคม 2555  อาปราณี ก็โทรศัพท์ มาคุยเรื่องนี้ โดยบอกว่า โกเหลิม ( เฉลิม ยี่สาร) แนะนำให้ทำเป็นสุสานให้ท่านเลย  ป้าการก็เลยบอกอาปราณีว่า กำลังจะไปไหหลำพอดี  หากจะทำเป็นสุสานก็จะไปดูให้  อาปราณีจึงขอตามไปด้วย ซึ่งป้าการ ก็ดีใจที่จะมีคนช่วยกันดูแลเรื่องนี้หลายๆคน   ดังนั้นในวันเดินทางคณะของเราจึงประกอบไปด้วย 3 คน คือ ป้าการ  อาปราณี และ "อาคัง"


       หลายคนคงสงสัยว่า หนุ่มหล่อที่ชื่อ " อาคัง" คนนี้เป็นใครกันนะ  อาคัง เป็นหนุ่มจีน ชื่อเต็มคือ เฉิน กวน คัง  บ้านอยู่มณฑลกวางสี ไม่ไกลจากไหหลำนัก  อาคังเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างไทย -จีน เรียนที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เฉลิมพระเกียรติ์  เมื่อจบแล้วก็ทำงานต่อในเมืองไทย ปัจจุบันทำงานเป็นพิธีกรให้กับสถานีเคเบิ้ลทีวี TCCTV  ชื่อภาษาไทยคือ วรพจน์ เฉิน  เรียกชื่อเล่นๆแบบจีนว่า อาคัง
 
        ที่ป้าการรู้จัดอาคัง ก็เนื่องจาก อาคังเป็นเพื่อนของน้องเมย์  ลูกสาวของจิ๋ว  ลูกแด่เงี๊ยบ แม่ก่วย แซ่เหลี่ยว  หลานแป๊ะแด่ผ่ง -เจ้ต้ม  (หวังว่าคงไม่งงนะ ) อาคังเป็นเด็กที่มีอัธยาศัยดี มีน้ำใจ ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้



มาเล่าเรื่องการไปทำงานที่ไหหลำกันต่อ

         เราไปถึงโรงแรมเที่ยงคืนแล้ว ตื่นเช้าก็รีบไปยัง ตลาดตำโกซี  เพื่อพบกับ " อากงดั่น เหม่ง คน" ผู้ที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด   เมื่อไปถึงร้านของอากง  เห็นท่านนั่งรอเราอยู่แล้ว ดูว่าท่านดีใจมากที่เห็นพวกเราไป และแล้วการเจรจาเรื่องการทำสุสานก็เริ่มขึ้น

        อากงดั่นเหม่งคน ให้คนไปตาม ช่างแกะสลักหิน และซินแสมาคุยที่บ้านทันที  โดยป้าการได้นำเอาหนังสือจีนฉบับร่างที่จะใช้แกะสลักลงบนหินให้อากงดู  หนังสือฉบับร่างนี้ อาคังเป็นคนเขียนให้ โดยดูตัวอย่างมาจากรูปป้ายหินของก๋งของย่าลี้ นั่นเอง


 

       บรรยากาศการคุย ค่อนข้างเข้มข้น มีการแก้ไขหลายจุด เพื่อให้เหมาะสม เสียงคุยกันของสามคนนี้ ดังลั่นสนั่นซอย เป็นภาษาไหหลำ โดยมีคนขับรถที่เราใช้เขาประจำ เป็นคนแปลเป็นภาษาจีนกลางให้อาคังฟัง และ อาคังแปลเป็นไทยให้ป้าการ กับอาปราณีฟังอีกที (อาคังบอกว่า ฟังภาษาไหหลำไม่เข้าใจเลย)








      การโต้เถียงยกที่หนึ่ง ใช้เวลานานพอสมควร คราวนี้มีเพื่อนบ้านมาช่วยกันเสนอแนะความคิดเพิ่มขึ้นอีก  เลยยิ่งทำให้เสียงดังมากขึ้น

      เวลาล่วงเลยมาเกือบครึ่งวันแล้ว ยังตกลงกันไม่ได้ อากงดั่นเหม่งคน จึงชวนไปดูที่หลุมฝังศพ เพื่อให้ซินแสจับทิศ หาวันมงคลก่อน  ดังนั้นเราจึงย้ายขบวนไปยังหมู่บ้านของก๋ง เพื่อดูหลุมศพ และเตรียมออกแบบสร้างสุสาน

    ช่างทำป้ายหิน จะเป็นคนทำสุสานให้ด้วย เข้าไปดูสภาพแวดล้อม บอกว่าให้พูนดินขึ้นได้ แต่ไม่ควรโปกปูนซีเมนต์ครอบหลุม ให้ทำเป็นขอบกันดินไหลด้วยกำแพงก้อนหินและต้องไม่ทำให้สูงเกินไป  เพราะจะทำให้หลุมฝังศพของคนอื่น ( คนในหมู่บ้านเดียวกัน) ดูไม่ดี อันจะส่งผลต่อลูกหลานของเขาไปด้วย  ส่วนหน้าของหลุมก็จะปักเสาหินแกะสลัก พร้อมทำบริเวณให้ลูกหลานไว้กราบไหว้ด้วย  จากแบบที่ผู้รับเหมาบอก เราก็เห็นด้วยตามนั้น


      สำหรับซินแส  ท่านขึ้นไปยืนบนหลุมศพ  กางตำราหาทิศให้สัมพันธ์กับช่วงเวลา(ปี)ที่ย่าตาย  โดยจะเอาทิศที่ตั้งมาใช้แทนวัน เดือน ปีเกิดของลูกหลาน เพื่อหาวันที่เป็นมงคลในการยกป้าย   วันนี้ซินแสมาทำแค่ การสำรวจทิศ และวัดขนาดหลุมศพ เพื่อนำไปประกอบการคำนวน ซึ่งจะต้องรอปฏิทินปีหน้า ออกก่อนจึงจะประกาศวันมงคลให้เรารู้ได้ ( ปฏิทินจะออก เดือนพฤศจิกายน)

      สำหรับลูกหลานที่จะมาทำพิธี ใครจะมาก็ได้ แต่หากผู้ที่เกิดปีชง ให้ยืนอยู่รอบนอก

 เสร็จจากการสำรวจ และวัดหลุมฯแล้ว เราก็เดินไปที่บ้านก๋ง เพราะซินแสจะไปสำรวจทิศที่บ้านด้วย

 หน้าฝนอย่างนี้ หญ้าขึ้นรกหน่อย

 ซินแสเดินดูรอบบ้านพร้อมกับจานดูทิศแบบจีน


 อากง กับอาม่า ผู้อาวุโส ซึ่งบัดนี้ดูเหมือนว่าจะกลายมาเป็นญาติผู้ใหญ่ของเราไปแล้ว 

ข้างบ้านก๋ง เพื่อนบ้านกำลังสร้างบ้านเป็นห้องแถวเพิ่มขึ้น ไปคราวหน้าคงเสร็จแล้ว

 เสร็จจากการสำรวจ และวัดหลุมฯแล้ว พวกเราหิวกันมาก จึงชวนผู้อาวุโสทั้งหลายไปกินข้าวเติมพลังกันก่อน ขณะนั่งมาในรถ ทั้งหมดก็ยังโต้แย้งกันมาตลอดทาง


      กินกันยังไม่ทันอิ่ม การเจรจายกสองก็เริ่มขึ้น  เหตุที่ไม่ยอมกันก็คือเรื่องชื่อของคนสร้างสุสาน  ซึ่งเราบอกว่าลูกหลานทุกคนรวมเงินกันสร้าง  จึงไม่สามารถบอกชื่อได้หมด

     โดยผู้อาวุโส คือ อากงดั่น เหม่ง คน และซินแส ยอมให้ใช้คำว่า " สร้างโดยลูกหลานตระกูลโหงว" ได้ แต่คนทำป้ายไม่ยอมทำท่าเดียว บอกว่า 
 "  อั๊วทำม่ายล่าย อั๊วม่ายเคยทำ  พวกลื้อยอม แต่อั๊ว ม่ายทำอ่ะ "
งานนี้จึงมีคนขับรถเข้ามาเป็นแรงหนุนฝ่ายอากงอีกแรง รวมแล้ว 3 ต่อ 1 เสียง

   

 อาคัง ตอนมาแรกๆก็หล่อดี แต่พอผ่านไปครึ่งวันก็ดูแก่ไปทันตาเห็น 


ซินแส

ช่างทำป้าย




 คนทำป้าย  เหลือตัวคนเดียวแต่ยังไม่ยอมแพ้ เครียดมากถึงขนาดต้องยกขาข้างหนึ่ง แบบไหหลำ

    ไม่ไหวแล้วอ่า อี๊วอัดบุหรี่ดีกว่า 

      และแล้วทุกอย่างก็ลงเอยเอาตอนบ่ายสามโมงเย็น งานนี้เล่นเอาพวกเราที่นั่งอยู่กลางสงครามถึงกับมึนตึ๊บ   แม้ทุกคนจะไม่มีใครยอมใคร แต่สุดท้ายแล้ว ผลดีก็ตกอยู่กับพวกเรา  เพราะที่ผู้อาวุโสเถียงกันนี้ก็คือ ตัวเขียนบนป้ายหินซึ่งจะส่งผลให้ลูกหลานของย่าเซี๊ยะ โหว่ เหนียน เจริญรุ่งเรืองทุกคน   นอกจากตัวหนังสือมงคลแล้ว แม้กระทั่งขนาดของป้ายหิน ยังต้องทำให้ได้ขนาดที่มีเลขดีสำหรับลูกหลานอีกด้วย

 เสร็จจากภาษาจีน  เราก็เอาตัวหนังสือไทยไปต่อใต้ภาษาจีน ขณะนั้นไม่มีกาวไป  คนขับรถจึงเอาข้าวสุกมาใช้แทน
 
 นี่คือตัวหนังสือที่จะสลักลงบนแผ่นหิน   บอกรายละเอียดว่า เป็นสุสานของแม่แห่งตระกูลโหงว  เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1947   สร้างโดยลูกหลานตระกูลโหงว

ตัวหนังสือภาษาไทยเขียนว่า



สุสาน เซี๊ยะ โห่ว เหนียน
สร้างโดย ลูกหลานตระกูลโหงว ( ยี่สาร)
จ.เพชรบุรี  ประเทศไทย  ปี 2013





ในการสร้างสุสานของย่าเซี๊ยะ โหว่ เหนียน นี้มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณดังนี้ 
 - ค่าหิน ขนาด 2X.80 เมตร ราคา 1,500 หยวน 
 - ค่าแกะสลักตัวอักษร ทั้งไทยและจีน    1,200 หยวน
 - ค่าทำสุสาน 2,300 หยวน 
รวมค่าทำป้าย และสุสาน= 5,000 หยวน  จ่ายไปแล้ว 3,000 หยวน  

 - ค่าจ้างซินแส 600 หยวน   จ่ายไปแล้ว 400 หยวน
   จะจ่ายอีกครั้งวันทำพิธี ซึ่งซินแสต้องมาทำให้  

- ให้แต๊ะเอียอากงดั่นเหม่งคน 300 หยวน 

รวมประมาณการค่าใช้จ่าย ทั้งการสร้าง และทำพิธี ตลอดจนเตรียมการและของไหว้วันทำพิธี ประมาณ 8,000 หยวน X 5 = 40,000 บาท  

จึงเรียนมายังพี่น้อง ลูกหลานตระกูลยี่สารทุกท่านเพื่อทราบ หากท่านใดมีความประสงค์จะร่วมกันสร้างสุสานให้ย่าเซี๊ยะ โหว่ เหนียน เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง   สามารถสมทบทุนการก่อสร้างได้ตามสมควร 

  โดยขอให้ส่งเงินมายังป้าการ เพื่อรวบรวมไว้ใช้ในการนี้ต่อไป  




วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

สาร์ทจีน 2555

ในที่สุดก็มาถึงวันสาร์ทจีนของปี 2555 

ปีนี้วันไหว้ตรงกับวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ซึ่งช้ากว่าทุกปี    และในวันจ่าย คือวันที่ 30 สิงหาคม ก็เป็นประเพณีที่ครอบครัวของเราจะมาไหว้บรรพบุรุษที่บ้านย่า ท่าพุ่ง อันเป็นบ้านต้นตระกูลของเรา   และก็เป็นเพราะวันจ่ายเป็นวันทำงาน ที่หลายคนมาไม่ได้ บรรยากาศจึงเหงาเล็กน้อย  แต่ก็ไม่เงียบ เพราะยังมีเสียงเฮฮาตามประสาคนยี่สาร ให้ได้ยินกันตลอดเวลา 

เชิญชมบรรยากาศวันไหว้สาร์ทจีนปีนี้ค่ะ 

 หลานๆไหว้ก๋งและย่า รวมทั้งบรรพบุรุษของตระกูล

 สงสัยจังว่าลุงกฤษ ขออะไร เลขท้ายรึเปล่าจ๊ะ

คนตัวสูงมีหน้าที่ปักธูป

 ปีนี้อากาศแปลกจากทุกปี  ที่เคยมีแสงแดดจ้า แต่วันนี้ฝนตกหนัก จนต้องนั่งคุยกันในบ้าน 

 ลุงรัญหล่อเหมือนเดิม

 ลุงกฤษ ชาวไร่ซีสิบ

 แป๊ะแด่โลม กับ พิไลรัตน์ 

 วันนี้เด็กมาน้อย เหลือแค่นี้ 
(ที่จริงยังมีเจ้าเด่น ลูกพ่อยุทธ อีกคน แต่ไปแอบอยู่ในครัว)

 เจ้าหมูน้อย รีบขับรถมาจากกรุงเทพ ฯ ทันไหว้พอดี

 มีพ่อเจมี่ เด็กเซ็นคาเบล ตามมาด้วย โตเป็นหนุ่มแย๊ว...

 อานี ตามมาเป็นชุดสุดท้าย

 คุณยายป้อมพยายามกอดหลาน หมายเอาหลานบังพุงคุณยาย
เจมี่ บอกว่า คุณยายอั๊บ .....ป๋ม หายใจม่ะอ๊อกกอ่ะ 

หนุ่มสาวสาบานรัก 

ไม่มีใครปักธูปให้ ปักเองก็ได้...

 อาหารไหว้

อาหารปีนี้ ใจตรงกัน 2 เจ้า ทำขาหมูต้มถั่วเหลือง ชนกันระหว่าง คุณนายอัจฉรา กับด๊อกเตอร์แพะ  ปรากฏว่า ทำอะไรกันไม่ได้ อร่อยสูสี เพราะสูตรเดียวกัน 

    ป้าการ ได้ไก่ไหหลำมาหลายตัว เลยเอามาไหว้ และกินกัน 2 ตัว คุณสมบัติของไก่พันธุ์นี้คือ  หนังบางกรอบ  เนื้อแน่นกรอบแต่ไม่เหนียว อร่อยม๊ากก  
   บรรดาผู้อาวุโสที่กินบอกว่า  ตอนเป็นเด็กก็ได้กินไก่แบบนี้  เรียกว่าไก่ตะเภา ซึ่งน่าจะเป็นไก่ที่บรรพบุรุษของเราหอบหิ้วใส่เรือมาจากไหหลำด้วย  แต่พอนานวันก็กลายเป็นไก่เนื้อนุ่มๆไป 
   วันนี้ มีบางคนพอรู้ว่ามีไก่ไหหลำ ก็อุตส่าห์บินมาจากเชียงใหม่ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ  เป็นใครโปรดชมภาพต่อๆไป

 ปลาทอดกรอบ

 ผัดต้นกระเทียม

 หอยจ้อ

 ต้มหน่อไม้สด
ผัดวุ้นเส้นแบบไหหลำ ฝีมือลุงแพะ


 และแล้วก็ถึงเวลาหม่ำ โต๊ะเด็ก ผู้หญิง และคนชรา 
วันนี้คุณนายอัจฉรา แสดงฝีมือต้มขาหมูถั่วเหลือง 
เหนื่อยมากไปหน่อยหน้าซีดเลย





 ปีนี้ไม่สามารถออกไปตั้งวงที่โคนต้นชมพู่ได้ เพราะฝนตก
 และฟ้ามืดมาก เลยต้องกินกันที่หน้าบ้าน 

 โต๊ะฝ่ายชาย



  ตัวกินไก่ ตัวจริง


วันไหว้ บรรดาลูกหลานก็ไหว้ที่บ้านของตัวเอง บ้านใครบ้านมัน 
เนื่องจากไปถ่ายรูปบ้านอื่นไม่ได้เลยเอารูป
บ้านก๋งพล มาให้ดูบ้านเดียว


 ปีนี้แม้คนจะอยู่บ้านน้อย แต่อาหารไหว้เท่าเดิม


 ไก่ตอนตัวโตๆ ของโปรดของเตี่ยพล กับแม่เอื้อน

 ขาดไม่ได้คือปลา จะได้ร่ำรวยๆๆ
แม้จะไม่มีต้มขาหมูถั่วเหลือง ตำหรับประจำตระกูล แต่ป้าการ ก็ทำกะหล่ำผัดน้ำปลาแบบไหหลำ ที่เคยทำตามที่ก๋งพล สอนมาตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ ไหว้ด้วย  ไม่น้อยหน้าบ้านก๋งส่วนแล้วเรา

 ปีนี้ไม่ได้ทำซุป ทำกระเพาะปลาแทน ใช้กระเพาะปลาล้วนๆ 

 หมี่ซั่วผัด อายุจะได้ยืนยาว

ขาดไม่ได้คือ ผัดเผ็ดหมู ของยายเอื้อน

กุ้งยักษ์ผัดพริกไทยดำ อร่อยม๊าก ขอบอก 


ของหวานตามประเพณี ขนมเทียน ขนมเข่ง 

 ขนมเปี๊ยะ 

  ขนมสาลี่ เพื่อความเฟื่องฟู


 ผลไม้ 5 อย่าง

 ขนมเค็กของก๋งพล เพราะก๋งเป็นคนชอบกินขนมเค็กมาก 
ปีนี้ไหว้ด้วยชีสเค็กก้อนโต 

 โอเลี้ยงเข้มๆของยายเอื้อน ต้องมีทุกปีจ๊ะ

 กาน้ำชาแบบนี้บ้านใครยังมีอยู่บ้าง รักษาไว้ให้ดีนะ ดูขลังดีจัง

 วันนี้มีเด็กคนหนึ่งไม่ยอมไปโรงเรียน เพราะกลัวไม่ได้กินไก่  
และพอเห็นชีสเค็ก ก็ทำตาโต น้ำลายยืด...

 ปีนี้ไหว้ก๋งแบบเหงาๆ 


 เสื้อที่ซื้อให้ก๋งพล กับอาอุจ เป็นยี่ห้อ ลาคอส ตราไอ้เข้ 
ไม่กระจอกนะจ๊ะ


พบกันใหม่ในกิจกรรมของครอบครัวครั้งต่อไป  ช่วงนี้ ป้าการจะไปไหหลำสักสองสามวัน เพื่อไปดูความก้าวหน้าของการทำป้ายสุสานให้อาม่า เซี๊ยะ โหว่ เหนียน จ้า