สถานที่ชุมนุมของคนตระกูล " ยี่สาร" เชิญเข้ามาพูดคุย หรือฝากข่าวถึงกัน

เวบบอร์ดของคน ตระกูล " ยี่สาร"
ยินดีต้อนรับทุกท่าน

โปรดทราบกฏกติกาการใช้เวบบอร์ดนี้

1.เวบบอร์ดนี้ เป็นของครอบครัวยี่สาร ทุกท่านที่อยู่ในทุกจังหวัด และ ทุกประเทศทั่วโลก ได้ใช้เป็นช่องทาง
และพื้นที่ในการเข้ามาพูดคุย ส่งข่าวคราว ถึงกันอย่างเสรี

2.อนุญาติให้ใช้ภาษาถนัดของครอบครัวได้ แต่ห้ามให้คำหยาบคาย

3.สามารถโพสต์ได้ทั้งภาษาไทย อังกฤษ


4.การพูดคุยโปรดให้ความเคารพความคิดเห็นผู้ อื่นด้วย


5.หากต้องการ โพสต์ข้อความครั้งแรกต้อง
" ลงชื่อเข้าใช้"ก่อน ( อยู่ด้านขวามือ) ต่อไปก็เข้ามาด้วยชื่อนั้น
ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ทุกครั้ง


6.เมื่อจะโพสต์ข้อความ ให้กดที่คำว่า
" ความคิดเห็น" ข้าง ล่างของแต่ละบทความ

7.ขณะนี้ได้เพิ่มเวบบอร์ดหน้า 2 แล้ว
หากจะกลับไปหน้า 1 ให้คลิ๊กที่ " บทความที่เก่ากว่า " เมื่อจะมาหน้า 2 ก็คลิ๊กทีี่่
" บทความที่ใหม่กว่า " อยู่ใต้กล่องที่พิมพ์ แสดงความคิดเห็น


ขอให้มีความสุขในการชมบล๊อกนี้ทุกท่าน



วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

ยี่สาร ตลุยกวางโจว



เช้าวันที่ 5 เมษายน 2556 เรารีบตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อออกจากโรงแรมไปสนามบินเหมยหลาน เพราะเครื่องบินของเราจะออกในเวลา 6.45 น. ขณะเดินขึ้นไปนั่งบนเครื่องฯ ไฟในสนามบินยังไม่ปิด เพราะท้องฟ้ายังไม่สว่างดีนัก
พอเครื่องเคลื่อนออกไปถึง Runway เครื่องก็เบนหัวกลับเข้่ามายังสนามบินใหม่  เนื่องจากได้รับแจ้งว่าที่เมืองกวางโจว จุดหมายปลายทางของเรามีพายุหนัก  เราจึงต้องนั่งรออยู่ในเครื่องเป็นเวลา 2 ชั่วโมง กว่าเครื่องจะบินได้ ท้องฟ้าก็สว่างแจ้งแล้ว 

สภาพสนามบินไป่หยุน ขณะเครื่องลง เจิ่งนองไปด้ยน้ำ ท้องฟ้ายังมืดมิด แต่ก็โชคดีที่เราเดินทางมาถึงอย่างปลอดภัย
เป็นอันว่า อาหารเช้ามื้อพิเศษที่เราสั่ง ติ่มซำ เอาไว้ต้องยกเลิก โดยเราต้องกินขนมปังกับกาแฟในเครื่องที่จอดอยู่ที่สนามบินที่ไหเค๊าแทน 

 เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ ที่เราจองไว้มารับ 
และเริ่มโปรแกรมการเที่ยวทันที

 ที่แรกที่เราไปคือ วัดต้นไทร 6 ต้น เพื่อไปไหว้พระพุทธเจ้าิทั้ง3โลก 
คือไหว้ที่นี่ที่เดียว เท่ากับได้ไหว้ใน 3 โลกเลย เชิญชมบรรยากาศได้






 หนุ่ม สาว สาบานรัก



 





 ฟังไกด์ ( อาว่อง) อย่างตั้งใจ






หลังจากไหว้พระเสร็จ เราก็ไปกินข้าวกลางวัน และนั่งรถออกไปนอกเมื่องเพื่อไปไหว้ เจ้าแม่กวนอิมมองทะเล เพื่อความเป็นสิริมงคล






 ระหว่างทางที่ไปบรรยากาศมืดด้วยหมอกและฝน  คณะของเราที่หน้าตาสดชื่นตอนขึ้นรถก็เริ่มโรยรา เนื่องจากต้องตื่นแต่เช้า ( ตี 4 เท่ากับตี 3 บ้านเรา)  สภาพของบางคนจึงเป็นดังต่อไปนี้ 








ถึงยอดเขาอันเป็นที่ตั้งองค์เจ้าแม่กวนอิม  ท้องฟ้ายังปิดสนิท 
มองระยะไกลไม่เห็น 
















 อาคัง รับหน้าที่ถ่ายรูปมาตลอด วันนี้เลยถ่ายรูปให้อาคังบ้าง



 ตอนไปถึงมองแทบไม่เห็นเจ้าแม่กวนอิม เพราะหมอกลงหนามาก



 แต่สักพัก ก็มีแสงอาทิตย์ออกมาให้เห็นเหนือองค์ท่าน




 เครื่องไหว้ใหญ่มาก ทั้งธูปเที่ยน แบกแทบไม่ไหว














































 ลุงรัญแอบมากินไอติมคนเดียว 


 ป้ายเขียนว่า " วันนี้เป็นวันแห่งความสำเร็จ" ลุงรัญชอบมาก

 หมูน้อย ซื้อไอติมแจกบ้าง เดินกินกันทุกคน



 ก่อนขึ้นรถมาสำรวจพบว่ามีคนโดนธูปยักษ์กัน 2 คน 
คือลุงเบิ้มกับอาอัจ 



 มีหมูน้อย เป็นหน่วยพยาบาล




คนเจ็บหน้ายังระรื่นดี

 ช่วงค่ำ เราเดินทางต่อไปดูละครสัตว์ที่มีชื่อเสียงของเมืองกวางโจวชื่อ Chimelong โปรดชมบรรยากาศ


 เนื่องจากเราไม่มีหัวหน้าทัวร์จากเมืองไทย 
ป้าการจึงต้องแสดงตัวเป็นหัวหน้าทัวร์เอง 
ด้วยการเดินโบกธงเข้าไปเป็นคนแรก 
บรรยากาศเป็นอย่างที่เห็น




























 หลังจบการแสดง ฝนตกหนักเรายังออกไปไม่ได้เลยนั่งรอ
อย่างสนุกสนานต่อไป





 เราเดินกลับท่ามกลางสายฝน มีคุณปู่ธงชัย กะ ย่าต้ม เดินนำหน้า บรรยากาศหวานสนิท 




วันที่ 6 เมษายน 2556 เป็นวันสุดท้ายของ
การท่องเที่ยวของเรา

วันนี้เราเริ่มด้วยการไปชมอนุเสารีย์แพะ 5 ตัว 
ซึ่งเป็นตำนานของเมืองกวางโจว
 คุณปู่ ธงชัย กะคุณย่าต้ม ก่อนออกเดินทาง ยังหวานอยู่



 ขออีกนิ๊ดดดดนุง....


 อากาศเย็นป้าการเริ่มไข้ขึ้น







 นี่ถ้าเตี่ยเหลิม ลืมเจ้าปันไว้ที่กวางโจว  รับรองว่าคนจีนพามาส่งคืนถูกบ้าน เพราะหน้าเหมือนกันมาก








 มือที่สาม

 ดาวยั่ว(โมโห) 

















 อาว่องกลัวเฮียมาก จนต้องเอามือซุกหว่างขา


 ก่อนกลับเจอชาวเมืองกวางโจว กำลังออกกำลังกายเต้นตามเพลง ป้าการเลยเข้าไปเต้นบ้าง 

 ตามด้วยสาวๆในคณะ เป็นที่สนุกสนาน


 ขนาดเดินกลับยังไม่เลิกเต้น ดูหน้าไกด์ อาว่อง 
เดินขำไม่เคยเจอลูกทัวร์แบบนี้








 ก่อนขึ้นรถเจอคนขายเกาลัด เลยเหมาขึ้นมากินบนรถซะเลย




จากนั้นเราก็ไปซื้อหยก


 นำหน้าโดยอาม่าบ่วย







 ภายในห้องบรรยาย ที่เราต้องฟังนิทาน ( ป้าการฟังมา 10รอบแล้ว )







 หลังจากซื้อกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาอาหารกลางวัน 
วันนี้เราได้กินติ่มซำสมใจ




 หลานๆสนุกมาก มีการดื่มอวยพรให้ลุงรัญ เฮง เฮง....เฮง...






 อาหารมากจนต้องห่อไปเป็นอาหารเย็นที่สนามบินได้

หลังจากไปช๊อปปิ้งกันต่อครึ่งวัน
ก็ถึงเวลากลับบ้านกลับบ้านกันเสียที 

 ที่สนามบิน ชาวคณะยังคงซื้อของที่ไกด์เอามาขายไม่เลิก จนต้องมีการจัดกระเป๋ากันใหม่ บางคนยัดไม่ลงต้องช่วยกันมัดกระเป๋า  ของป้าการไม่ต้องจัด เพราะซื้อกระเป๋าเดินทางเพิ่ม ใส่ของที่ซื้อใหม่กลับได้อย่างสบาย



 โกรัญ  ....ช่วยเหยียบที  ปิดไม่ลงอ่ะ





 หลังจากจัดกระเป๋าเสร็จ ก็เช็คอินและพร้อมกลับเมืองไทย


 เจ้าปลาย สอนลุงรัญเล่นเนต เอาไว้คุยกะสาว

 ถึงบ้านแล้ว.....

ร่ำลา บ้านใครบ้านมัน

ปีหน้าไปเที่ยวกันใหม่ รับรองสนุกกว่านี้แน่นอน