สถานที่ชุมนุมของคนตระกูล " ยี่สาร" เชิญเข้ามาพูดคุย หรือฝากข่าวถึงกัน

เวบบอร์ดของคน ตระกูล " ยี่สาร"
ยินดีต้อนรับทุกท่าน

โปรดทราบกฏกติกาการใช้เวบบอร์ดนี้

1.เวบบอร์ดนี้ เป็นของครอบครัวยี่สาร ทุกท่านที่อยู่ในทุกจังหวัด และ ทุกประเทศทั่วโลก ได้ใช้เป็นช่องทาง
และพื้นที่ในการเข้ามาพูดคุย ส่งข่าวคราว ถึงกันอย่างเสรี

2.อนุญาติให้ใช้ภาษาถนัดของครอบครัวได้ แต่ห้ามให้คำหยาบคาย

3.สามารถโพสต์ได้ทั้งภาษาไทย อังกฤษ


4.การพูดคุยโปรดให้ความเคารพความคิดเห็นผู้ อื่นด้วย


5.หากต้องการ โพสต์ข้อความครั้งแรกต้อง
" ลงชื่อเข้าใช้"ก่อน ( อยู่ด้านขวามือ) ต่อไปก็เข้ามาด้วยชื่อนั้น
ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ทุกครั้ง


6.เมื่อจะโพสต์ข้อความ ให้กดที่คำว่า
" ความคิดเห็น" ข้าง ล่างของแต่ละบทความ

7.ขณะนี้ได้เพิ่มเวบบอร์ดหน้า 2 แล้ว
หากจะกลับไปหน้า 1 ให้คลิ๊กที่ " บทความที่เก่ากว่า " เมื่อจะมาหน้า 2 ก็คลิ๊กทีี่่
" บทความที่ใหม่กว่า " อยู่ใต้กล่องที่พิมพ์ แสดงความคิดเห็น


ขอให้มีความสุขในการชมบล๊อกนี้ทุกท่าน



วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ป้าการ รายงานผลการเดินทางไปไหหลำ ล่าสุด กันยายน 2555


    เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555 ป้าการ อาปราณี และอาคัง  ได้เดินทางไปเกาะไหหลำ เพื่อดูความคืบหน้าของการสร้างสุสานให้ย่า " เซี๊ยะ โหว่ เหนียน"   วันเดินทาง ป้าการไปแบบโทรมสุดๆ เพราะเพิ่งกลับจาก มาละกา และได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องลุกมาสนามบินอีกแล้ว

      ขอเล่าถึงสาเหตุที่ป้าการ และคณะต้องมาไหหลำแบบนอกรอบครั้งนี้ก่อน 

      หลังจากที่ป้าการไปไหหลำทุกปีติดต่อกันมา แต่ละปีก็พยายามคิดเรื่องการสร้างสุสานให้ย่า " เซี๊ยะ โหว่ เหนียน" เพราะเห็นสภาพหลุมฝังศพของท่านแล้ว รู้สึกไม่สบายใจที่ท่านไม่มีลูกหลานไปดูแลเลย ตลอดเวลา 60 กว่าปีที่ผ่านมา  เมื่ออาปราณีบอกว่าอยากทำป้ายหินเพื่อปักให้รู้ว่าเป็นหลุมศพของย่า  ป้าการก็รับปากที่จะทำให้สำเร็จให้ได้

      แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนมีแต่อุปสรรค ( เรื่องภาษา) ที่ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจหวังไว้  ในที่สุด ป้าการก็ขอร้องให้ " อาคัง" มาช่วยประสานงานกับคนที่ไหหลำ แต่ก็ยังดูเป็นเรื่องที่ห่างไกลความจริงอย่างมาก  

       ดังนั้น ...ในเดือนพฤษภาคม 2555  ป้าการจึงวางแผนที่จะไปไหหลำอีกครั้ง  เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จให้ได้ในปีนี้  โดยขอร้องให้ " อาคัง" ไปเป็นเพื่อนป้าฯด้วย    ซึ่ง"อาคัง"ก็ตอบตกลงและเต็มใจที่จะช่วยงานนี้อย่างเต็มที่

       พอใกล้กำหนดวันเดินทาง ประมาณเดือนสิงหาคม 2555  อาปราณี ก็โทรศัพท์ มาคุยเรื่องนี้ โดยบอกว่า โกเหลิม ( เฉลิม ยี่สาร) แนะนำให้ทำเป็นสุสานให้ท่านเลย  ป้าการก็เลยบอกอาปราณีว่า กำลังจะไปไหหลำพอดี  หากจะทำเป็นสุสานก็จะไปดูให้  อาปราณีจึงขอตามไปด้วย ซึ่งป้าการ ก็ดีใจที่จะมีคนช่วยกันดูแลเรื่องนี้หลายๆคน   ดังนั้นในวันเดินทางคณะของเราจึงประกอบไปด้วย 3 คน คือ ป้าการ  อาปราณี และ "อาคัง"


       หลายคนคงสงสัยว่า หนุ่มหล่อที่ชื่อ " อาคัง" คนนี้เป็นใครกันนะ  อาคัง เป็นหนุ่มจีน ชื่อเต็มคือ เฉิน กวน คัง  บ้านอยู่มณฑลกวางสี ไม่ไกลจากไหหลำนัก  อาคังเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างไทย -จีน เรียนที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เฉลิมพระเกียรติ์  เมื่อจบแล้วก็ทำงานต่อในเมืองไทย ปัจจุบันทำงานเป็นพิธีกรให้กับสถานีเคเบิ้ลทีวี TCCTV  ชื่อภาษาไทยคือ วรพจน์ เฉิน  เรียกชื่อเล่นๆแบบจีนว่า อาคัง
 
        ที่ป้าการรู้จัดอาคัง ก็เนื่องจาก อาคังเป็นเพื่อนของน้องเมย์  ลูกสาวของจิ๋ว  ลูกแด่เงี๊ยบ แม่ก่วย แซ่เหลี่ยว  หลานแป๊ะแด่ผ่ง -เจ้ต้ม  (หวังว่าคงไม่งงนะ ) อาคังเป็นเด็กที่มีอัธยาศัยดี มีน้ำใจ ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้



มาเล่าเรื่องการไปทำงานที่ไหหลำกันต่อ

         เราไปถึงโรงแรมเที่ยงคืนแล้ว ตื่นเช้าก็รีบไปยัง ตลาดตำโกซี  เพื่อพบกับ " อากงดั่น เหม่ง คน" ผู้ที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด   เมื่อไปถึงร้านของอากง  เห็นท่านนั่งรอเราอยู่แล้ว ดูว่าท่านดีใจมากที่เห็นพวกเราไป และแล้วการเจรจาเรื่องการทำสุสานก็เริ่มขึ้น

        อากงดั่นเหม่งคน ให้คนไปตาม ช่างแกะสลักหิน และซินแสมาคุยที่บ้านทันที  โดยป้าการได้นำเอาหนังสือจีนฉบับร่างที่จะใช้แกะสลักลงบนหินให้อากงดู  หนังสือฉบับร่างนี้ อาคังเป็นคนเขียนให้ โดยดูตัวอย่างมาจากรูปป้ายหินของก๋งของย่าลี้ นั่นเอง


 

       บรรยากาศการคุย ค่อนข้างเข้มข้น มีการแก้ไขหลายจุด เพื่อให้เหมาะสม เสียงคุยกันของสามคนนี้ ดังลั่นสนั่นซอย เป็นภาษาไหหลำ โดยมีคนขับรถที่เราใช้เขาประจำ เป็นคนแปลเป็นภาษาจีนกลางให้อาคังฟัง และ อาคังแปลเป็นไทยให้ป้าการ กับอาปราณีฟังอีกที (อาคังบอกว่า ฟังภาษาไหหลำไม่เข้าใจเลย)








      การโต้เถียงยกที่หนึ่ง ใช้เวลานานพอสมควร คราวนี้มีเพื่อนบ้านมาช่วยกันเสนอแนะความคิดเพิ่มขึ้นอีก  เลยยิ่งทำให้เสียงดังมากขึ้น

      เวลาล่วงเลยมาเกือบครึ่งวันแล้ว ยังตกลงกันไม่ได้ อากงดั่นเหม่งคน จึงชวนไปดูที่หลุมฝังศพ เพื่อให้ซินแสจับทิศ หาวันมงคลก่อน  ดังนั้นเราจึงย้ายขบวนไปยังหมู่บ้านของก๋ง เพื่อดูหลุมศพ และเตรียมออกแบบสร้างสุสาน

    ช่างทำป้ายหิน จะเป็นคนทำสุสานให้ด้วย เข้าไปดูสภาพแวดล้อม บอกว่าให้พูนดินขึ้นได้ แต่ไม่ควรโปกปูนซีเมนต์ครอบหลุม ให้ทำเป็นขอบกันดินไหลด้วยกำแพงก้อนหินและต้องไม่ทำให้สูงเกินไป  เพราะจะทำให้หลุมฝังศพของคนอื่น ( คนในหมู่บ้านเดียวกัน) ดูไม่ดี อันจะส่งผลต่อลูกหลานของเขาไปด้วย  ส่วนหน้าของหลุมก็จะปักเสาหินแกะสลัก พร้อมทำบริเวณให้ลูกหลานไว้กราบไหว้ด้วย  จากแบบที่ผู้รับเหมาบอก เราก็เห็นด้วยตามนั้น


      สำหรับซินแส  ท่านขึ้นไปยืนบนหลุมศพ  กางตำราหาทิศให้สัมพันธ์กับช่วงเวลา(ปี)ที่ย่าตาย  โดยจะเอาทิศที่ตั้งมาใช้แทนวัน เดือน ปีเกิดของลูกหลาน เพื่อหาวันที่เป็นมงคลในการยกป้าย   วันนี้ซินแสมาทำแค่ การสำรวจทิศ และวัดขนาดหลุมศพ เพื่อนำไปประกอบการคำนวน ซึ่งจะต้องรอปฏิทินปีหน้า ออกก่อนจึงจะประกาศวันมงคลให้เรารู้ได้ ( ปฏิทินจะออก เดือนพฤศจิกายน)

      สำหรับลูกหลานที่จะมาทำพิธี ใครจะมาก็ได้ แต่หากผู้ที่เกิดปีชง ให้ยืนอยู่รอบนอก

 เสร็จจากการสำรวจ และวัดหลุมฯแล้ว เราก็เดินไปที่บ้านก๋ง เพราะซินแสจะไปสำรวจทิศที่บ้านด้วย

 หน้าฝนอย่างนี้ หญ้าขึ้นรกหน่อย

 ซินแสเดินดูรอบบ้านพร้อมกับจานดูทิศแบบจีน


 อากง กับอาม่า ผู้อาวุโส ซึ่งบัดนี้ดูเหมือนว่าจะกลายมาเป็นญาติผู้ใหญ่ของเราไปแล้ว 

ข้างบ้านก๋ง เพื่อนบ้านกำลังสร้างบ้านเป็นห้องแถวเพิ่มขึ้น ไปคราวหน้าคงเสร็จแล้ว

 เสร็จจากการสำรวจ และวัดหลุมฯแล้ว พวกเราหิวกันมาก จึงชวนผู้อาวุโสทั้งหลายไปกินข้าวเติมพลังกันก่อน ขณะนั่งมาในรถ ทั้งหมดก็ยังโต้แย้งกันมาตลอดทาง


      กินกันยังไม่ทันอิ่ม การเจรจายกสองก็เริ่มขึ้น  เหตุที่ไม่ยอมกันก็คือเรื่องชื่อของคนสร้างสุสาน  ซึ่งเราบอกว่าลูกหลานทุกคนรวมเงินกันสร้าง  จึงไม่สามารถบอกชื่อได้หมด

     โดยผู้อาวุโส คือ อากงดั่น เหม่ง คน และซินแส ยอมให้ใช้คำว่า " สร้างโดยลูกหลานตระกูลโหงว" ได้ แต่คนทำป้ายไม่ยอมทำท่าเดียว บอกว่า 
 "  อั๊วทำม่ายล่าย อั๊วม่ายเคยทำ  พวกลื้อยอม แต่อั๊ว ม่ายทำอ่ะ "
งานนี้จึงมีคนขับรถเข้ามาเป็นแรงหนุนฝ่ายอากงอีกแรง รวมแล้ว 3 ต่อ 1 เสียง

   

 อาคัง ตอนมาแรกๆก็หล่อดี แต่พอผ่านไปครึ่งวันก็ดูแก่ไปทันตาเห็น 


ซินแส

ช่างทำป้าย




 คนทำป้าย  เหลือตัวคนเดียวแต่ยังไม่ยอมแพ้ เครียดมากถึงขนาดต้องยกขาข้างหนึ่ง แบบไหหลำ

    ไม่ไหวแล้วอ่า อี๊วอัดบุหรี่ดีกว่า 

      และแล้วทุกอย่างก็ลงเอยเอาตอนบ่ายสามโมงเย็น งานนี้เล่นเอาพวกเราที่นั่งอยู่กลางสงครามถึงกับมึนตึ๊บ   แม้ทุกคนจะไม่มีใครยอมใคร แต่สุดท้ายแล้ว ผลดีก็ตกอยู่กับพวกเรา  เพราะที่ผู้อาวุโสเถียงกันนี้ก็คือ ตัวเขียนบนป้ายหินซึ่งจะส่งผลให้ลูกหลานของย่าเซี๊ยะ โหว่ เหนียน เจริญรุ่งเรืองทุกคน   นอกจากตัวหนังสือมงคลแล้ว แม้กระทั่งขนาดของป้ายหิน ยังต้องทำให้ได้ขนาดที่มีเลขดีสำหรับลูกหลานอีกด้วย

 เสร็จจากภาษาจีน  เราก็เอาตัวหนังสือไทยไปต่อใต้ภาษาจีน ขณะนั้นไม่มีกาวไป  คนขับรถจึงเอาข้าวสุกมาใช้แทน
 
 นี่คือตัวหนังสือที่จะสลักลงบนแผ่นหิน   บอกรายละเอียดว่า เป็นสุสานของแม่แห่งตระกูลโหงว  เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1947   สร้างโดยลูกหลานตระกูลโหงว

ตัวหนังสือภาษาไทยเขียนว่า



สุสาน เซี๊ยะ โห่ว เหนียน
สร้างโดย ลูกหลานตระกูลโหงว ( ยี่สาร)
จ.เพชรบุรี  ประเทศไทย  ปี 2013





ในการสร้างสุสานของย่าเซี๊ยะ โหว่ เหนียน นี้มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณดังนี้ 
 - ค่าหิน ขนาด 2X.80 เมตร ราคา 1,500 หยวน 
 - ค่าแกะสลักตัวอักษร ทั้งไทยและจีน    1,200 หยวน
 - ค่าทำสุสาน 2,300 หยวน 
รวมค่าทำป้าย และสุสาน= 5,000 หยวน  จ่ายไปแล้ว 3,000 หยวน  

 - ค่าจ้างซินแส 600 หยวน   จ่ายไปแล้ว 400 หยวน
   จะจ่ายอีกครั้งวันทำพิธี ซึ่งซินแสต้องมาทำให้  

- ให้แต๊ะเอียอากงดั่นเหม่งคน 300 หยวน 

รวมประมาณการค่าใช้จ่าย ทั้งการสร้าง และทำพิธี ตลอดจนเตรียมการและของไหว้วันทำพิธี ประมาณ 8,000 หยวน X 5 = 40,000 บาท  

จึงเรียนมายังพี่น้อง ลูกหลานตระกูลยี่สารทุกท่านเพื่อทราบ หากท่านใดมีความประสงค์จะร่วมกันสร้างสุสานให้ย่าเซี๊ยะ โหว่ เหนียน เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง   สามารถสมทบทุนการก่อสร้างได้ตามสมควร 

  โดยขอให้ส่งเงินมายังป้าการ เพื่อรวบรวมไว้ใช้ในการนี้ต่อไป  




9 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 กันยายน 2555 เวลา 21:02

    ป้าการเล่าเรื่องไปไหหลำได้ละเอียดดี น่ายินดีที่งานสร้างสุสานให้บรรพบุรุษก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง คลิปวีดิโอถกเถียงสไตล์ไหหลำคงช่วยใหังานชิ้นนี้สำเร็จออกมาได้น่าพอใจ ขอร่วมจองส่วนบุญงานนี้ด้วย800หยวน พร้อมที่จะรวบรวมเงินเอาไปใช้ในงานนี้เมื่อไรบอกได้เลย...คนท่าพุ่ง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. โกโลม เมื่อวันก่อนดูหนังเรื่อง The Best Exotic Marigold Hotel แล้วนึกถึงโกโลม เลยอยากให้หามาดูนะ เป็นหนังเกียวกับคนสูงอายุ ที่ไปเริ่มชีวิตใหม่ในอินเดีย ไม่ได้ว่าโกโลมสูงอายุนะแต่ดูแล้วเพลิดเพลินดี อิอิ

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ25 ตุลาคม 2555 เวลา 13:49

      ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา(14-23ตค.)เป็นช่วงเทศกาลกินเจทั่วประเทศ
      ที่โรงเจท่ายางก็มีคนไปกีน200-300คนมากพอสมควร วันสุดท้ายมีพิธี
      เทกระจาดแจกข้าวสารคึกคักเหมือนทุกปี อาหารเจปีนี้ราคาขยับขึ้นนิดหน่อย
      ยังไม่แพงนักและหาซื้อได้สะดวกตามเต๊นท์ข้างถนนทางเข้าตลาดท่ายาง เสร็จ
      ไปแล้วก็ได้บุญกันทั่วทุกคนอีกปีหนึ่ง
      2-3วันที่แล้วนั่งคุยกันกับญาติที่บาร์ท่าพุ่งเกือบสองยามทุกคืน เพิ่งได้เปิด
      เว็บครอบครัวยี่สารก็พอดีเจอคอมเม้นท์ของอาอ้อ ที่แนะนำให้หาหน้งมาดูเรื่อง
      The best exotic marigold hotelเลยค้นหาคลิปหนัง
      เรื่องนี้ในyoutubeได้ดูบางตอน เป็นหนังใหม่ปี2012 น่าดูมากทีเดียว
      ถ่ายทำดีมีบรรยากาศและภาพสวยๆในวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของคนอินเดีย จะเห็น
      ตึกเก่าๆ ผู้คนที่ยากไร้ รถจักรยาน สามล้อถีบ มอเตอร์ไซค์ และรถสามล้อตุ๊กๆ
      (น่าจะเมดอินไทยแลนด์)ซึ่งหาดูไม่ง่ายนักในหนังทั่วไป เนื้อเรื่องคงเกี่ยวกับ
      ชาวอังกฤษ7คนที่เกษียณจากงานแล้ว เขัาไปหาประสพการณ์ชีวิตในอินเดียและ
      ได้พบสิ่งที่น่าตื่นเต้นประทับใจหลายอย่าง นักแสดงรุ่นเก่าบางคนคุ้นหน้าระดับ
      ดาราตุ๊กตาทอง(Juli DenchและMaggie Smith) 2ดารา
      อินเดียสาวสุดสวยและหนุ่มหน้าซื่อที่ดังมาจากเรื่อง Slumdog(หนังลงทุน
      น้อยทำกำไรมหาศาล)ทำให้อยากดูไม่น้อย นับว่าคุ้มค่าที่ใครได้ดูหนังเรื่องนี้
      ตอนนี้กำลังอยากหาหนังเก่ามาดูเพื่อย้อนกลับไปหาความประทับใจในอดีต
      มีหลายเรื่องใครสนใจลองหามาดูบ้างก็ได้ เช่นเรื่อง Indochine,The
      Lover,The Piano, Ryan's Daugter, South
      Pacific,Doctor Zhivago,Fiddler on the
      roof,The Bridges of Madison County,The
      River Wild,และYear of the Dragon หวังว่าคงไม่
      ทำให้ผิดหวังในสาระ(แต่อาจไม่สนุกเท่าไร)...คนท่าพุ่ง

      ลบ
  2. อาอ้อขอร่วมด้วยคน นะ 800 ยวนเหมือนโกโลม จะได้เฮง เฮง แล้วจะติดต่อป้าการอีกที ดีใจจังได้มีส่วนทำบุญด้วย
    ขอเอ่ย อาหารบนโต๊ะหน่อย ผัดผักบุ้งรึเปล่าน่ากินจังเลย ของโปรด อิอิ

    ตอบลบ
  3. น่ายินดียิ่งที่ ก๋งโลม ให้เงินประเดิมมาแล้ว ตามด้วยอาอ้อ
    ขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์จะร่วมทำบุญมาหลายท่านแล้ว

    หลายคนอาจจะไม่กล้าบอก เกรงว่าจะช่วยได้จำนวนไม่มาก
    จึงต้องมาแจ้งข่าวในนี้ว่า ใครอยากจะช่วยเท่าไรก็ได้ ไม่กะเกณฑ์
    คนละ 100 , 200 หรือ 10, 20 บาทก็ได้ ขอให้มีส่วนร่วมกัน

    เดี๋ยวป้าการจะเปิดบัญชีไว้ และแจ้งหมายเลขบัญชี
    ใครสะดวกจะโอนก็เชิญตามสะดวก ไม่แจ้งชื่อก็ได้
    เพื่อความสบายใจของทุกคนจ้า

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ26 ตุลาคม 2555 เวลา 08:51

    ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา(14-23ตค.)เป็นช่วงเทศกาลกินเจทั่วประเทศ
    ที่โรงเจท่ายางก็มีคนไปกีน200-300คนมากพอสมควร วันสุดท้ายมีพิธี
    เทกระจาดแจกข้าวสารคึกคักเหมือนทุกปี อาหารเจปีนี้ราคาขยับขึ้นนิดหน่อย
    ยังไม่แพงนักและหาซื้อได้สะดวกตามเต๊นท์ข้างถนนทางเข้าตลาดท่ายาง เสร็จ
    ไปแล้วก็ได้บุญกันทั่วทุกคนอีกปีหนึ่ง
    2-3วันที่แล้วนั่งคุยกันกับญาติที่บาร์ท่าพุ่งเกือบสองยามทุกคืน เพิ่งได้เปิด
    เว็บครอบครัวยี่สารก็พอดีเจอคอมเม้นท์ของอาอ้อ ที่แนะนำให้หาหน้งมาดูเรื่อง
    The Best Exotic Marigold Hotelเลยค้นหาคลิปหนัง
    เรื่องนี้ในyoutubeได้ดูบางตอน เป็นหนังใหม่ปี2012 น่าดูมากทีเดียว
    ถ่ายทำดีมีบรรยากาศและภาพสวยๆในวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของคนอินเดีย จะเห็น
    ตึกเก่าๆ ผู้คนที่ยากไร้ รถจักรยาน สามล้อถีบ มอเตอร์ไซค์ และรถสามล้อตุ๊กๆ
    (น่าจะเมดอินไทยแลนด์)ซึ่งหาดูไม่ง่ายนักในหนังทั่วไป เนื้อเรื่องคงเกี่ยวกับ
    ชาวอังกฤษ7คนที่เกษียณจากงานแล้ว เขัาไปหาประสพการณ์ชีวิตในอินเดียและ
    ได้พบสิ่งที่น่าตื่นเต้นประทับใจหลายอย่าง นักแสดงรุ่นเก่าบางคนคุ้นหน้าระดับ
    ดาราตุ๊กตาทอง(Juli DenchและMaggie Smith) 2ดารา
    อินเดียสาวสุดสวยและหนุ่มหน้าซื่อที่ดังมาจากเรื่อง Slumdog(หนังลงทุน
    น้อยทำกำไรมหาศาล)ทำให้อยากดูไม่น้อย นับว่าคุ้มค่าที่ใครได้ดูหนังเรื่องนี้
    ตอนนี้กำลังอยากหาหนังเก่ามาดูเพื่อย้อนกลับไปหาความประทับใจในอดีต
    มีหลายเรื่องใครสนใจลองหามาดูบ้างก็ได้ เช่นเรื่อง Indochine,The
    Lover,The Piano, Ryan's Daugter, South
    Pacific,Doctor Zhivago,Fiddler on the
    roof,The Bridges of Madison County,The
    River Wild, Out of Africa, A Man and A
    Woman และ Year of the Dragon หวังว่าคงไม่ทำให้ผิดหวัง
    ในสาระ(แต่อาจไม่สนุกเท่าไร)...คนท่าพุ่ง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คุยเรื่องหนังอีกหน่อยนะโกโลม มีหนังสองเรื่องที่อยากแนะนำ Soylent Green (1973), In Time (2011) ทั้งสอลเรื่องเป็นหนังประเภท Sci - Fi &Fantasy ทั้งสองเรื่องให้ข้อคิดที่ดีมาก Soylent Green เป็นหนังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่โลกขาดอาหารจริงๆ ผู้คนต้องมากินอาหารเสริม(อาหารไม่จริง) โดยส่วยผสมมาจากคนและสัตว์ที่ตาย ส่วน In Time ลองหามาดูไม่บอกแล้วเดี๋ยวจืดหมด อิอิ

      ลบ
    2. ขอบคุณอาอ้อที่แนะนำหนังดีๆให้ดูกัน เรื่อง Soylent Green
      หนังเมื่อ40ปีที่แล้ว นักแสดงซูเปอร์สตาร์ charlton Hestonเป็น
      หลักประกันคุณภาพได้ระดับหนึ่ง เคยดูในโรงหนังตอนที่เพิ่งเข้ามาฉายในเมือง
      ไทย และดูอีกครั้งจากเครื่องเล่นวีดิโอเทปVHS เรื่อง In Timeมีดารานำ
      Justin TimberlakeและAmanda Seyfied เป็นทั้งนัก
      แสดงและนักร้องที่มีชื่อเสียงทั้งคู่ ดูบางตอนไปบ้างแล้ว ทั้ง2เรื่องเป็นหนัง
      Sci-fi(นิยายวิทยาศาสตร์) เกี่ยวกับปัญหาของโลกในอนาคตตามจินต
      นาการของผู้แต่งเรื่อง สนุกตื่นเต้นดี เรื่อง In Time ให้แง่คิดด้วยว่า
      Time is Power-Time is Moneyส่วนความจริงในอนาคต
      ที่น่าสนใจ ผู้คนในโลกนี้จะได้ใช้โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ไฟฟ้า
      โดยไม่ต้องเสียบปลั๊กอีกต่อไป นักวิทยาศาสตร์ยุคนี้คิดวิธีส่งคลื่นไฟฟ้าเข้าเครื่อง
      แปลง(ที่ติดอยู่กับเครื่องใช้)ให้เป็นกระแสไฟฟ้าใช้ในตัวได้แล้ว แต่คงต้อง
      ร้องเพลงรออีกหลายปี เพราะพวกนายทุนใหญ่ของโลกจะยังไม่เปลี่ยนระบบ
      การผลิตสินค้า จนกว่าจะกระทบผลประโยชน์ที่มีอยู่หลายอย่างน้อยที่สุด
      ...คนท่าพุ่ง

      ลบ
  5. ดีใจจังโกโลมชอบหนังที่อาอ้อแนะนำ เด๊๋ยวคราวหน้าหามาฝากอีก อิอิ

    ตอบลบ