สถานที่ชุมนุมของคนตระกูล " ยี่สาร" เชิญเข้ามาพูดคุย หรือฝากข่าวถึงกัน

เวบบอร์ดของคน ตระกูล " ยี่สาร"
ยินดีต้อนรับทุกท่าน

โปรดทราบกฏกติกาการใช้เวบบอร์ดนี้

1.เวบบอร์ดนี้ เป็นของครอบครัวยี่สาร ทุกท่านที่อยู่ในทุกจังหวัด และ ทุกประเทศทั่วโลก ได้ใช้เป็นช่องทาง
และพื้นที่ในการเข้ามาพูดคุย ส่งข่าวคราว ถึงกันอย่างเสรี

2.อนุญาติให้ใช้ภาษาถนัดของครอบครัวได้ แต่ห้ามให้คำหยาบคาย

3.สามารถโพสต์ได้ทั้งภาษาไทย อังกฤษ


4.การพูดคุยโปรดให้ความเคารพความคิดเห็นผู้ อื่นด้วย


5.หากต้องการ โพสต์ข้อความครั้งแรกต้อง
" ลงชื่อเข้าใช้"ก่อน ( อยู่ด้านขวามือ) ต่อไปก็เข้ามาด้วยชื่อนั้น
ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ทุกครั้ง


6.เมื่อจะโพสต์ข้อความ ให้กดที่คำว่า
" ความคิดเห็น" ข้าง ล่างของแต่ละบทความ

7.ขณะนี้ได้เพิ่มเวบบอร์ดหน้า 2 แล้ว
หากจะกลับไปหน้า 1 ให้คลิ๊กที่ " บทความที่เก่ากว่า " เมื่อจะมาหน้า 2 ก็คลิ๊กทีี่่
" บทความที่ใหม่กว่า " อยู่ใต้กล่องที่พิมพ์ แสดงความคิดเห็น


ขอให้มีความสุขในการชมบล๊อกนี้ทุกท่าน



วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555

เช็งเม้ง ที่ไหหลำ ปี 2555


ลูกหลานตระกูลยี่สาร ไปไหว้บรรพบุรุษที่เกาะไหหลำ
ปี 2555

 ปีนี้ ตัวแทนลูกหลานตระกูลยี่สารไปกันน้อย 
ซึ่งก็เป็นความตั้งใจที่ไม่ชวนมาก 
เนื่องจาก มีความไม่สะดวกหลายอย่าง 
เกรงว่าจะดูแลกันไม่ทั่วถึง

รุ่น 4 มีเจ้าปุณภพ เป็นตัวแทน ไปดูลู่ทางก่อน

รุ่น 3 ก็มีคุณวิมลมาศ ตามไปเที่ยวด้วย


คณะพร้อมบินสู่ฮ่องกง
มีอาแพะ เป็นหัวหน้าทัวร์

สองลูกทัวร์  อามาศ กับเจ้าภพ

เราบินด้วยสายการบิน เอมิเรส ซึ่งใช้เครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลก
แม้จะเครื่องใหญ่ แต่เจ้าภพก็นั่งดมยาดมไปตลอดทาง
จนเราเรียกเขาว่า "ไอ้หนุ่ม แป๊ะฮวยอิ้ว "

ถึงฮ่องกงเสียที


ก่อนจะเดินทางต่อไปไหหลำ เพื่อเป็นการปลอบใจลูกทัวร์
ที่กลัวเครื่องบิน เลยพาไปช๊อปให้ชื่นใจเล็กน้อย

จากนั้นก็บินต่อไปยังเกาะไหหลำ

เราถึงสนามบินเหม่ยหลาน เมืองไหเค๊า เกาะไหหลำในเวลาเที่ยงคืน 
ตลอดทางที่ผ่านมา เจ้าภพ โดนกักตัวสอบสวนทุกด่าน
 เนื่องจากหน้าดำๆเหมือนผู้ร้ายข้ามแดนนั่นเอง


เราเข้านอนเอาดึกมาก และต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปยังบ้านก๋ง

วันรุ่งขึ้น
อาหารเช้าของเราหน้าตาคุ้นๆ
แม้จะเป็นอาหารไหหลำ แต่เราก็เห็นมาตั้งแต่เด็กหลายอย่าง

ไข่ต้มใบชา คล้ายไข่พะโล้ แต่ไม่ปอกเปลือก 
สีของน้ำที่ต้มจะแทรกไปตามรอยแตกของเปลือกไข่ 
เมื่อปอกเปลือกไข่ออกมา ไข่จะมีลวดลายสวยงาม

มันเทศ และเผือกต้ม ที่เจ้าภพรีบหยิบมากินด้วยความอยากรู้ว่า 
รสชาติเหมือนมันบ้านเราหรือไม่

ตีนไก่พะโล้ ของคู่เมืองไหหลำ ที่เจ้าภพ ติดใจหนักหนา 

เกี๊ยวนึ่ง ข้่างในเป็นไส้ผักกะหล่ำ กินกับจิ๊กโฉ่ว อร่อยดี

ก๋วยเตี๋ยวผัดเจ้ตุ่ม ก็มี

ข้าวต้มถั่วเขียว เห็นแล้วนึกถึงข้าวที่สมัยรุ่นก๋ง (รุ่น 2)เป็นเด็ก
เนื่องจากเราจนมาก ย่าจึงต้องต้มข้าวต้มปนมัน ปนกล้วย ให้ลูกๆกิน

ผัดลูกชิ้นกุ้งกับก้านผัก

ไส้กรอกเมืองจีน รสเหมือนกุนเชียง 

กับข้าวข้าวต้ม เหมือนบ้านเรา

ไข่เค็ม

หมั่นโถวสารพัดชนิด ป้าการชอบมาก เพราะอร่อยที่สุด


หลังอาหารเช้า กุ๊แด่เส็ง และ เหนียน  ก็มาพบเรา
ปีนี้กุ๊แด่ ไปด้วยไม่ได้เนื่องจากสุขภาพไม่ดี 
เดินไม่สะดวก เราจึงต้องไปกันเอง
ซึ่งนี่คือปัญหาที่เราไม่ชวนคนไปมาก เกรงว่าจะพามาลำบาก
และเราอยากจะทดลองว่า ถ้าไปกันเอง เราจะทำได้หรือไม่ 
เอาล่ะ......งานท้าทายรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว 
เป็นตายอย่างไร  วันนี้ก็ต้องทำให้สำเร็จ 

บ้านเมืองใน ไหเค๊า เมืองหลวงของมณฑลไหหลำ 
ยังมีสภาพไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา
แต่การก่อสร้างก็ยังคงดำเนินอยู่ไม่หยุด  
ในเมืองใหญ่จะเจริญกว่า ต่างจังหวัดบ้านเราเล็กน้อย



อาคารใหญ่ๆ มักเป็นสถานที่ราชการ

มาถึงตลาดตำโก ซึ่งเป็นตำบลเล็กๆนอกเมืองไหเค๊า 
สภาพยังไม่เจริญนัก คล้ายตำบลรอบนอกของจังหวัดเรา

ถนนเคยเป็นถนนคอนกรีต แต่สองปีที่ผ่านมาเมืองนี้กำลังสร้างถนน
สภาพบ้านเมืองจึงมีแต่ฝุ่น แบบนี้


สองคนนี่ หากบอกใครว่าไปเที่ยวเมืองนอก คงไม่มีใครเชื่อ
เพราะดูรูปแล้ว นึกว่าไปบ้านนอกมา

เมื่อไปถึงบ้านของ เล่าแป๊ะ ชื่อ  ดั่น เหม่ง คน
ปัญหาก็เริ่มแล้ว เพราะสื่อภาษากันไม่รู้เรื่อง 
ต้องใช้ล่ามที่เขียนเป็นภาษาจีนให้อ่าน

สองหนุ่ม กำลังซื้อของไหว้เช็งเม้ง 

ดั่น เหม่ง คน  ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านของก๋ง
พยานบุคคล คนสำคัญที่ให้ความช่วยเหลือด้วยดีมาตลอด

ของไหว้สด ที่ดั่น เหม่ง คน เตรียมไว้ให้ 

ไม่รู้จะคุยอะไรดี นั่งดูดีกว่า


ไปถึงบ้านก๋ง อาเล่าม่า คนเก่านั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ดีใจที่เรามา
คนแก่ที่นี่อายุยืนจริงๆ



ปีนี้หน้าบ้าน ต้นไม้มีน้อยเลยสะดวกที่จะเข้าบ้าน

สภาพบ้านปีนี้ โทรมลงจากปีที่แล้วมาก
อาจเป็นเพราะโดนพายุในช่วงฤดูฝนปีที่แล้ว

เปรียบเทียบสภาพบ้าน ปี 2554 กับ ปี 2555 
จะเห็นว่าผนังหลังบ้านพังลงมา อย่างเห็นได้ชัด
เพื่อนบ้านบางคนพยายามชี้ให้เราดู และบอกถึงเรื่องนี้
แต่เราก็ไม่เข้าใจมากนัก รู้ได้จากสีหน้าและอาการของเขาว่า
เขาอยากให้เราซ่อมบ้าน 
เราก็ได้แต่ยิ้ม เพราะ ทำใจแล้วว่า สักวัน
บ้านหลังนี้คงจะค่อยๆล่มสลาย เหลือแต่กองอิฐ กองหิน
ไว้เป็นเพียงอนุสรณ์ให้คนยี่สาร รุ่นหลังได้เห็นแค่นั้น



เจ้าพิธี กำลังเตรียมเครื่องไหว้


เครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษของเรา
หากอยู่เมืองไทย คงโดนนินทาว่า
ยากไร้เสียจริง  แต่วันที่เราไปไหว้
ก็ได้บอกบรรพบุรุษตระกูลโหงว แ้้ล้วว่า
ของไหว้อาจดูไม่สมเกียรติ์นัก
แต่ทั้งหมดนี้ลูกได้พยายามอย่างที่สุดแล้ว
และจะทำต่อไป จนกว่าจะทำไม่ไหว



อธิฐานขอให้ดวงวิญญานของบรรพบุรุษทุกคน
จงคุ้มครองลูกหลานตระกูลโหงว ให้ปลอดภัย และมีความสุข


อาเล่าม่า และ เล่ากง เพื่อนบ้าน มานั่งกำกับการไหว้ของเราด้วย

ธูป 4 ดอก ของตัวแทนลูกหลานตระกูลโหงว


นั่งรอในบ้าน ซึ่งพูดได้เต็มปากว่า "บ้านของเรา"




หน้าบ้านยังดูสภาพดีเหมือนเดิม

อาเล่าม่า ยังสุขภาพดีเหมือนเดิม 
สังเกตุว่าใส่สร้อยมุขแท้ทุกวัน
คนไหหลำเชื่อว่า ไข่มุก ช่วยให้สุขภาพดี 
(เดี๋ยวต้องใส่บ้างแล้ว)

อาม่า (มาศ) กับ อาเล่าม่า 

เพื่อนบ้านดีใจที่ลูกหลานบ้านตระกูลโหงวมาไหว้บรรพบุรุษ


ช่วยกันเผากระดาษไหว้

เอาเจ้าภพ มานี่คิดถูกแล้ว 
เพราะคนอื่นไม่มีใครจุดประทัดได้เลยสักคน


จากนั้นเดินไปไหว้ ย่า เซี๊ยะ โห่ว เหนียน ที่สุสาน

ปีหน้าลูกหลานจะทำสุสานให้ดูสวยงามกว่านี้
 
เราเสร็จจากการไหว้บรรพบุรุษตระกูลโหงว
ที่ตำบลตำโก เอาเกือบบ่าย
จากนั้นจึงรีบเดินทางไปยังเมืองดัว จิ โพ
เพื่อไหว้สุสานก๋งดัวจิ แซ่พู่
ซึ่งเป็น ต้นตระกูลของย่าลี้

รารู้ตัวล่วงหน้าแล้วว่า การมาหาหมู่บ้านนี้ค่อนข้างยาก
เพราะทางลึกลับ สับสนมาก อีกทั้งยังพูดภาษาไหหลำไม่ได้
รับรองว่า มีปัญหารออยู่ข้างหน้าแน่นอน

 เราจึงต้องเติมพลังให้แน่นท้องไว้ก่อนจะได้มีแรงสู้กับปัญหา

อาหารกลางวันของเราจึงจัดหนักมาเลย


ชุดทำน้ำจิ้ม ใครชอบรสไหน ปรุงกันเอง
เครื่องปรุง เหมือนบ้านเราเป๊ะ

ถั่วคั่วคลุกเกลือ ของจำเป็นบนโต๊ะอาหาร

สั่งไก่มา 1 ตัว ทางร้านงงๆ สงสัยว่าจะกินหมดหรือ
ทางร้านไม่ได้ต้มไว้ หากลูกค้าสั่งก็จะเดินไปจับไก่ในกรง
มาเชือดและต้มให้เลย
วันนี้ได้ไก่ตัวโตมาก  ความแตกต่างระหว่างคนไทย 
กับไหหลำคือคนไทยจะกินไก่สาว ต้มสุก เนื้อนุ่ม 
แต่คนไหหลำ ชอบกินไก่สูงอายุ ต้มไม่สุก เนื้อเหนียวเคี้ยวมันดี
วันนี้เราไม่มีล่ามที่จะบอกให้ต้มสุกๆหน่อย 
เลยได้ไก่เนื้อห่ามๆเหนียวพอสมควรแต่เนื้อหวานดีมาก

เนื้อผัดพริกอ่อน อร่อยมาก

วันนี้สั่งอาหารไม่ซ้ำกับทุกครั้งที่มา ( เพราะสั่งภาษาจีนไม่เป็น)
เลยสั่งถั่วผัดมาแบบมั่วๆ แต่กลับอร่อยสุด 
เป็นถั่วฝักยาว ผัดกับผักกาดดอง และ หนำเลี๊ยบ ใส่พริกนิดหน่อย
ขอยกให้เป็นจานอร่อยสุด

เจ้าของร้านคงแปลกใจที่คนไทยไม่ยอมสั่งน้ำซุป
จึงพยายามมาถามย้ำแล้ว ย้ำอีก เราจึง โอ เค
ได้ซุปมะเขือเทศมา ซดแก้ฝืดคอ

จานสุดท้าย สั่งตามคำขู่แล้วขู่อีกของเจ้าภพ ที่อยากกินเหลือเกิน
จานนี้ชื่อเคาหยก เป็นหมูสามชั้นตุ๋นกับผักกาดดอง อร่อยสมใจเจ้าภพ
แต่กลับมารับรองว่า โคเลสโตรอลพุ่งกระฉูด
คอยดูเถอะ
เรื่องนี้ถึงครูอัจฉรา แน่ !!!!


อาหารทั้งหมดของเรา คิดราคาแล้วแค่ 1500 บาทไทย ถูกมั๊ก มั๊ก

หลังอาหารกลางวัน เราก็เริ่มต้นการผญจภัย 
เพราะหลงทางไปไกลมาก ใช้เวลาในการหลงทาง 
และถามทางเกือบ 2 ชั่วโมง จนเกือบถอดใจ 

แต่พอป้าการ ตัดสินใจบอกคนขับรถว่า 
" ไหเค๊า ไหเค๊า " ซึ่งแปลว่า "กลับไหเค๊าว่ะ"

รถเราก็มาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านอย่างน่าประหลาดใจ
มองจากปากทางเห็นป้ายสุสานเด่นชัดอยู่กลางแสงแดด
เป็นภาพที่สวยงามมาก



พวกเราจัดเแจงตั้งเครื่องไหว้ ที่เกือบต้องเอากลับ




เราขอบคุณบรรพบุรุษที่นำทางเรามา หลังจากหลงซะจนเหนื่อย
แต่ละครั้งที่มา มักมีเรื่องประหลาดใจเกิดขึ้นเสมอๆ


ขณะรอไหว้ อามาศ ก็เดินเอาขนม และของฝากไปแจกเด็กๆ
และเพื่อนบ้าน เด็กๆมีความสุขกันมาก


จากนั้นก็จุดประทัดตามประเพณี


เด็กๆจำพวกเราได้ และคุ้นเคยกับเรามากขึ้น
ปีหน้าเขาคงรอพวกเรา


เสร็จจากภาระกิจการไหว้บรรพบุรุษทั้งสองจุด
เราก็กลับเมืองไหเค๊า ด้วยความโล่งอก





คราวนี้เรามีเวลาเดินเที่ยวในเมือง
จึงพาไปบริเวณท่าเรือเก่า ที่สมัยย่าลี้มารอเรือสำเภากลับเมืองไทย
ก็ต้องมาขึ้นเรือที่นี่  ปัจจุบันเขารื้อท่าเรือทำเป็นสวนสาธารณะไปแล้ว

ร้านขายกุ๊ยช่ายทอด

บริเวณศูนย์การค้าเก่า เป็นที่ที่ย่าลี้มานอนรอเรือกลับเมืองไทย


หลังจากเที่ยวเสร็จ เราก็ไปเยี่ยมกุ๊แด่เส็ง ที่บ้านอีกครั้ง 
เพราะวันรุ่งขึ้นต้องออกเดินทางแต่เช้ามืด


ขากลับจากบ้านกุ๊แด่  ไม่มีรถแท็กซี่ เราจึงต้องนั่งรถสามล้อเครื่อง
นับเป็นการผจญภัยที่สุดๆ ของเรา ดูหน้าผู้โดยสารก็รู้


เช้าวันรุ่งขึ้น

เราจองเที่ยวบินไปฮ่องกงเที่ยวเช้า
 จึงต้องออกจากโรงแรมตั้งแต่ 6 โมงเช้า
ตั้งใจจะไปกินอาหารเช้าที่สนามบิน


แต่ปัญหาก็ยังไม่หมด เที่ยวบินของเรามีผู้โดยสารแค่ 6 คน 
จึงยกเลิกให้เราบินอีกทีตอน บ่ายโมง 
เราจึงต้องลากกระเป๋าไปนอนรอที่อีกโรงแรมหนึ่ง

ในที่สุดเราก็มาถึงฮ่องกง



 แม้จะช้าไปครึ่งวัน ก็ยังพอมีเวลาเที่ยวบ้าง






คู่ซี้คู่ใหม่  ไอ้หนุ่มแป๊ะ ฮวย อิ้ว  กับ คุณนายเฉี่ยว ฟะ
ใครอยากรู้ว่าคืออะไร ก็ถามเจ้าตัวดู






เช้าวันที่ 4 
เราเริ่มต้นด้วยการกินอาหารเช้าแบบหรูหรา




มีทั้งโจ๊กฮ่องกง และ ดิ่มซำ ชุดใหญ่








จานนี้ ป้าการสั่งด้วยภาษาจีนว่า " ไม โลว โกว" 
โดยคาดว่าจะมาเป็นเค็กน้ำตาลทรายแดงนึ่ง
แต่กลายเป็นแห้วเปียกทอด  แห้วจริงๆ ....

เที่ยวต่อ


ดูเหอะ ...ซ่าซะ   นั่งรถเมล์ชั้นบน แถวหน้าสุด ทั้งเสียว ทั้งสนุก

ขอพรเจ้าแม่กวนอิม ที่หาดรีพลัส



เที่ยวอ่าวสแตนเล่ย์ 

รอรถเมล์อย่างเป็นระเบียบ

 ปีนี้ ทั้งผจญภัย ทั้งสนุกกันมาก
ทุกคนตั้งใจว่าปีหน้าจะไปกันอีก 
รับรองสนุกกว่านี้แน่ แล้วเจอกัน...
ท่านใดอยากไป เชิญจองที่นั่งล่วงหน้าด้วยจ้า